วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

การชุมนุมสาธารณะที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย


             มาตรา ๔  ในพระราชบัญญัตินี้
             "การชุมนุมสาธารณะ” หมายความว่า การชุมนุมของบุคคลในที่สาธารณะเพื่อเรียกร้อง สนับสนุนคัดค้าน หรือแสดงความคิดเห็นในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยแสดงออกต่อประชาชนทั่วไป และบุคคลอื่นสามารถร่วมการชุมนุมนั้นได้ ไม่ว่าการชุมนุมนั้นจะมีการเดินขบวนหรือเคลื่อนย้ายด้วยหรือไม่
(*หมายเหตุ-กรณีชุมนุมที่ไม่เข้าข่าย ได้แก่ ไม่ใช่ที่สาธารณะ , ไม่ได้แสดงออกต่อประชาชนทั่วไป , บุคคลอื่นไม่สามารถเข้าร่วมได้)

             มาตรา ๓  พระราชบัญญัตินี้ไม่ใช้บังคับแก่การชุมนุมสาธารณะ ดังต่อไปนี้
             (๑) การชุมนุมเนื่องในงานพระราชพิธีและงานรัฐพิธี
             (๒) การชุมนุมเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาหรือกิจกรรมตามประเพณีหรือตามวัฒนธรรมแห่งท้องถิ่น
             (๓) การชุมนุมเพื่อจัดแสดงมหรสพ กีฬา ส่งเสริมการท่องเที่ยว หรือกิจกรรมอื่นเพื่อประโยชน์ทางการค้าปกติของผู้จัดการชุมนุมนั้น
             (๔) การชุมนุมภายในสถานศึกษา
             (๕) การชุมนุมหรือการประชุมตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย หรือการประชุมสัมมนาทางวิชาการของสถานศึกษาหรือหน่วยงานที่มีวัตถุประสงค์ทางวิชาการ
             (๖) การชุมนุมสาธารณะในระหว่างเวลาที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือประกาศใช้กฎอัยการศึก และการชุมนุมสาธารณะที่จัดขึ้นเพื่อประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้งในช่วงเวลาที่มีการเลือกตั้ง แต่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น

             มาตรา ๖  การชุมนุมสาธารณะต้องเป็นไปโดยสงบและปราศจากอาวุธ
             การใช้สิทธิและเสรีภาพของผู้ชุมนุมในระหว่างการชุมนุมสาธารณะ ต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตการใช้สิทธิและเสรีภาพ ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและกฎหมาย

             มาตรา ๗  การจัดการชุมนุมสาธารณะในรัศมีหนึ่งร้อยห้าสิบเมตรจากพระบรมมหาราชวัง พระราชวัง วังของพระรัชทายาทหรือของพระบรมวงศ์ตั้งแต่สมเด็จเจ้าฟ้าขึ้นไป พระราชนิเวศน์ พระตําหนัก หรือจากที่ซึ่งพระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท พระบรมวงศ์ตั้งแต่สมเด็จเจ้าฟ้าขึ้นไป หรือผู้สําเร็จราชการแทนพระองค์ ประทับหรือพํานัก หรือสถานที่พํานักของพระราชอาคันตุกะ จะกระทํามิได้
             การจัดการชุมนุมสาธารณะภายในพื้นที่ของรัฐสภา ทําเนียบรัฐบาล และศาล จะกระทํามิได้ เว้นแต่มีการจัดให้มีสถานที่เพื่อใช้สําหรับการชุมนุมสาธารณะภายในพื้นที่นั้น
             ศาล ตามวรรคสอง หมายความถึง ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง ศาลทหาร และศาลอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาล
             ในกรณีจําเป็นเพื่อประโยชน์แห่งการรักษาความปลอดภัยสาธารณะและความสงบเรียบร้อยของประชาชน ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย มีอํานาจประกาศห้ามชุมนุมในรัศมีไม่เกินห้าสิบเมตรรอบสถานที่ตามวรรคสอง ทั้งนี้ ให้คํานึงถึงจํานวนของผู้เข้าร่วมชุมนุมและพฤติการณ์ในการชุมนุมด้วย

             มาตรา ๘  การชุมนุมสาธารณะต้องไม่กีดขวางทางเข้าออก หรือรบกวนการปฏิบัติงานหรือการใช้บริการสถานที่ ดังต่อไปนี้
             (๑) สถานที่ทําการหน่วยงานของรัฐ
             (๒) ท่าอากาศยาน ท่าเรือ สถานีรถไฟ หรือสถานีขนส่งสาธารณะ
             (๓) โรงพยาบาล สถานศึกษา และศาสนสถาน
             (๔) สถานทูตหรือสถานกงสุลของรัฐต่างประเทศ หรือสถานที่ทําการองค์การระหว่างประเทศ
             (๕) สถานที่อื่นตามที่รัฐมนตรีประกาศกําหนด

(*หมายเหตุ - ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๗ หรือมาตรา ๘ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ตามมาตรา ๒๗)

             มาตรา ๙  หน่วยงานของรัฐอาจจัดให้มีสถานที่เพื่อใช้สําหรับการชุมนุมสาธารณะก็ได้
             การจัดให้มีสถานที่เพื่อการชุมนุมสาธารณะตามมาตรานี้ไม่กระทบต่อเสรีภาพของประชาชนที่จะจัดการชุมนุมสาธารณะในที่สาธารณะอื่น
             มิให้นําความในหมวด ๒ การแจ้งการชุมนุมสาธารณะ มาใช้บังคับแก่การชุมนุมสาธารณะที่จัดขึ้นภายในสถานที่ตามวรรคหนึ่ง

             มาตรา ๑๐  ผู้ใดประสงค์จะจัดการชุมนุมสาธารณะ ให้แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่ายี่สิบสี่ชั่วโมง
             ให้ถือว่าผู้เชิญชวนหรือนัดให้ผู้อื่นมาร่วมชุมนุม ในวัน เวลา และสถานที่ที่กําหนดไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด ๆ รวมทั้งผู้ขออนุญาตใช้สถานที่ หรือเครื่องขยายเสียง หรือขอให้ทางราชการอํานวยความสะดวกในการชุมนุม เป็นผู้ประสงค์จะจัดการชุมนุมสาธารณะตามวรรคหนึ่ง
             การแจ้งการชุมนุมสาธารณะ ต้องระบุวัตถุประสงค์ และวัน ระยะเวลา และสถานที่ชุมนุมสาธารณะ ตามวิธีการที่รัฐมนตรีประกาศกําหนด ซึ่งต้องเป็นวิธีที่สะดวกแก่ผู้แจ้ง และต้องให้แจ้งผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศได้ด้วย
(*หมายเหตุ - ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๐ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท ตามมาตรา ๒๘)

             "ผู้รับแจ้ง" หมายความว่า
              ๑. หัวหน้าสถานีตำรวจแห่งท้องที่ที่มีการชุมนุมสาธารณะ (หรือรักษาราชการแทน) หรือ
              ๒. บุคคลอื่นตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ให้เป็นผู้มีหน้าที่รับแจ้งการชุมนุมสาธารณะ

             มาตรา ๑๑  เมื่อได้รับแจ้งแล้ว ให้ผู้รับแจ้งส่งสรุปสาระสําคัญในการชุมนุมสาธารณะตามพระราชบัญญัตินี้ให้ผู้แจ้งทราบภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงนับแต่เวลาที่ได้รับแจ้ง
             ในกรณีที่ผู้รับแจ้งเห็นว่าการชุมนุมสาธารณะที่ได้รับแจ้งนั้นอาจขัดต่อมาตรา ๗ หรือมาตรา ๘ ให้ผู้รับแจ้งมีคําสั่งให้ผู้แจ้งแก้ไขภายในเวลาที่กําหนด
             หากผู้แจ้งการชุมนุมไม่ปฏิบัติตามคําสั่งตามวรรคสอง ให้ผู้รับแจ้งมีคําสั่งห้ามชุมนุมโดยแจ้งคําสั่งเป็นหนังสือไปยังผู้แจ้ง
             กรณีผู้แจ้งการชุมนุมไม่เห็นชอบด้วยกับคําสั่งตามวรรคสาม ให้ยื่นอุทธรณ์เป็นหนังสือต่อผู้บังคับบัญชาชั้นเหนือผู้รับแจ้งขึ้นไปหนึ่งชั้น และให้ผู้รับอุทธรณ์วินิจฉัยและแจ้งคําวินิจฉัยอุทธรณ์ภายในเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง คําวินิจฉัยอุทธรณ์นั้นให้เป็นที่สุด
              ในระหว่างมีคําสั่งห้ามชุมนุม การอุทธรณ์และพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ ให้งดการชุมนุมสาธารณะ
(*หมายเหตุ - ผู้ใดฝ่าฝืนคําสั่งห้ามชุมนุมหรือจัดการชุมนุมระหว่างมีคําสั่งห้ามชุมนุมตามมาตรา ๑๑ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ตามมาตรา ๒๙)

               มาตรา ๑๒  ให้ผู้ประสงค์จะจัดการชุมนุมสาธารณะซึ่งไม่สามารถแจ้งการชุมนุมได้ภายในกําหนดเวลาตามมาตรา ๑๐ แจ้งการชุมนุมพร้อมคําขอผ่อนผันกําหนดเวลาดังกล่าวต่อผู้บังคับการตํารวจผู้รับผิดชอบพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร หรือผู้บังคับการตํารวจภูธรจังหวัดในจังหวัดอื่นแล้วแต่กรณี
               ก่อนเริ่มการชุมนุม ให้นําความในมาตรา ๑๐ วรรคสาม มาใช้บังคับแก่การแจ้งตามวรรคหนึ่งโดยอนุโลม ให้ผู้รับคําขอผ่อนผันตามวรรคหนึ่งมีหนังสือแจ้งคําสั่งพร้อมด้วยเหตุผลให้ผู้ยื่นคําขอทราบภายในเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงนับแต่เวลาที่ได้รับคําขอ
(*หมายเหตุ - ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๒ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท ตามมาตรา ๒๘)

               มาตรา ๑๓  ให้ผู้รับแจ้งตามมาตรา ๑๑ และผู้รับคําขอผ่อนผันตามมาตรา ๑๒ เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา

               มาตรา ๑๔  การชุมนุมสาธารณะที่ไม่เป็นไปตามมาตรา ๖ หรือไม่แจ้งการชุมนุมตามมาตรา ๑๐ หรือที่ผู้แจ้งไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของผู้รับแจ้ง หรือที่ผู้รับแจ้งมีคําสั่งห้ามการชุมนุมตามมาตรา ๑๑ หรือที่จัดขึ้นหลังจากที่ผู้ยื่นคําขอได้รับหนังสือแจ้งว่าไม่มีเหตุผลอันสมควรที่จะผ่อนผันกําหนดเวลาตามมาตรา ๑๒ ให้ถือว่าเป็นการชุมนุมสาธารณะที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

              สรุป สาระสำคัญที่กล่าวมาข้างต้น "การชุมนุมสาธารณะที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย" หมายถึง
              ๑. การชุมนุมสาธารณะ โดยไม่สงบหรือมีอาวุธ รวมถึงไม่อยู่ภายใต้ขอบเขตการใช้สิทธิเสรีภาพตามกฎหมาย
              ๒. การชุมนุมสาธารณะ โดยไม่แจ้งการชุมนุม หรือแจ้งก่อนจะชุมนุมน้อยกว่า ๒๔ ชั่วโมง(เว้นแต่ได้ยื่นขอผ่อนผันแล้ว)
              ๓. การชุมนุมสาธารณะ โดยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งที่ให้แก้ไข กรณีจัดการชุมนุมในบริเวณสถานที่สำคัญตามมาตรา ๗ หรือกีดขวางหรือรบกวนการปฏิบัติงานหรือใช้บริการในสถานที่ตามมาตรา ๘ ทั้งนี้ภายในเวลาที่กำหนด
              ๔. การชุมนุมสาธารณะ โดยไม่ปฏิบัติตามหนังสือคำสั่งห้ามการชุมนุม หรือไม่งดชุมนุมในระหว่างการอุทธรณ์และพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์คำสั่งนั้น
               ๕. การชุมนุมสาธารณะ โดยไม่ปฏิบัติตามหนังสือคำสั่งที่แจ้งให้ทราบว่า ไม่มีเหตุผลอันสมควรที่จะผ่อนผันกำหนดเวลาที่ไม่แจ้งการชุมนุมก่อนเริ่มชุมนุมไม่น้อยกว่า ๒๔ ชั่วโมง

               ในกรณีการชุมนุมสาธารณะที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา ๑๔ ให้เจ้าพนักงานประกาศให้ผู้ชุมนุมเลิกการชุมนุมภายในระยะเวลาที่กําหนด ในกรณีผู้จัดการชุมนุมหรือผู้ชุมนุมฝ่าฝืนมาตรา ๗ หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๘ ให้เจ้าพนักงานประกาศให้ผู้ชุมนุมแก้ไขภายในระยะเวลาที่กําหนด หากผู้ชุมนุมไม่ปฏิบัติตามประกาศดังกล่าว ให้เจ้าพนักงานร้องขอต่อศาลแพ่งหรือศาลจังหวัดที่มีเขตอํานาจเหนือสถานที่ที่มีการชุมนุมสาธารณะเพื่อมีคําสั่งให้ผู้ชุมนุมเลิกการชุมนุมสาธารณะนั้น ตามลำดับขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.